วันพฤหัสบดีที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2559

แบบฝึกหัด(1)

บบฝึกหัดบทที่ 1 

จงเติมในช่องว่างว่าข้อใดเป็นข้อมูล หรือสารสนเทศ
1. ข้อมูลหมายถึงสารสนเทศ ข่าวสาร ที่ผ่านกระบวนการประมวณผลมาแล้ว
                                                                                                             
 
2. ข้อมูลปฐมภูมิคือ สารสนเทศที่ได้มาจากต้นแหล่งโดยตรง เป็นสารสนเทศวิชาการ ผลของการศึกษา ค้นคว้า วิจัย รายงาน เพื่อใช้เป็นแนวทางในการศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติม
ยกตัวอย่างประกอบ วารสาร รายงานการวิจัย วิทยานิพนธ์ สิทธิบัตร
                                                                                                             
 
3. ข้อมูลทุติยภูมิคือ ข้อมูลที่มีการรวบรวมหรือเรียบเรียงขึ้นใหม่จากแหล่งสารสนเทศปฐมภูมิ โดยข้อมูลเหล่านี้จะอยู่ในรูปแบบ สรุป เรื่องย่อ ทำดรรชนี
ยกตัวอย่างประกอบ สื่ออ้างอิงประเภทต่างๆ วารสารที่มีสรุปหรือตีความเอาไว้แล้ว สารานุกรม
                                                                                                             
 
4. สารสนเทศหมายถึง
ข้อมูล ข่าวสาร ที่ได้มีการจัดการไม่ว่าจะเป็นการคิดคำนวณประมวลผลเพื่อนำมาใช้ประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ได้มีการคัดเลือกและนำไปใช้ให้ทันต่อความต้องการในการใช้งานและทันเวลา
                                                                                                              

5. จงอธิบายประเภทของสารสนเทศ 
1.1สารสนเทศจำแนกตามแหล่งสารสนเทศ 1.1แหล่งปฐมภูมิ 
1.2แหล่งทุติยภูมิ 
1.3แหล่งตติยภูมิ
                                                                                                              

 2.สารสนเทศจำแนกตามสื่อจัดเก็บ 
2.1กระดาษ เป็นสื่อที่ใช้บันทึกข้อมูล สารสนเทศ ที่ใช้ง่ายต่อการบันทึก
2.2วัสดุย่อส่วน เป็นสื่อที่ถูกสำเนาย่อส่วนลงบนแผ่นฟิล์มชนิดต่างๆ เช่น หนังสือพิมพ์ เอกสารสำคัญ 
2.3สื่ออิเล็กทรอนิกส์ เป็นสื่อวัสดุสังเคราะห์เคลือบด้วยสารแม่เหล็ก สามารถบันทักและแก้ไขข้อมูลที่เป็นแอนาล็อก 
2.4สื่อแสงหรือสื่อออปติก ใช้ในการบันทึกข้อมูลและอ่านข้อมูลด้วยแสงเลเซอร์
                                                                                                              

6. ข้อเท็จจริงของสิ่งต่างๆที่อาจเป็นตัวเลขข้อความรูปภาพเสียงคือ ข้อมูล
                                                                                                             
 
7. ข้อมูลที่ผ่านการประมวลผลเป็น สารสนเทศ
                                                                                                             
 
8. ส่วนสูงของเพื่อนที่ถามจากเพื่อนแต่ละคนเป็น ข้อมูล
                                                                                                              

9. ผลของการลงทะเบียนเป็น
สารสนเทศ
                                                                                                              

10. กราฟแสดงจำนวนนิสิตในห้องเรียนวิชาวิชาการจัดการสารสนเทศยุคใหม่ในชีวิตประจำวัน Section 
วันอังคารเป็น ข้อมูล
                                                                                                              

แบบฝึกหัดบทที่ 2


1. ให้นิสิตหารายชื่อเว็บไซต์หรือเทคโนโลยีที่ให้บริการต่างๆ ตามหัวข้อเหล่านี้มาอย่างละ 3 รายการ
1.1 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในสาขาการศึกษา
www.msu.ac.th
Www.library.msu.ac.th
www.music.msu.ac.th
1.2 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพธุรกิจ พาณิชย์ และสำนักงาน
www.samsung.com/th/home
www.tarad.com
www.amazon.com
1.3 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพการสื่อสารมวลชน
www.thairath.co.th
www.matichon.co.th
www.bankokpost.co.th
1.4 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพทางอุตสาหกรรม
www.dip.go.th
www.carryboy.com
www.asiacement.co.th
1.5 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพทางการแพทย์
www.bumrungrad.com/thai
www.niems.go.th
www.ami.org
1.6 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพทหารตำรวจ
www.royalthaipolice.go.th
www.navy.mi.th
www.khonkaen.police.go.th
1.7 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพวิศวกรรม
www.engineerthailand.com
www.civilclub.net
www.scieneeroli.com
1.8 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพด้านเกษตรกรรม
www.siamkubota.co.th/product/tractor
www.doae.go.th
www.chaipat.or.th
1.9 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับคนพิการต่างๆ
www.pwdsthai.com
www.nep.go.th
www.tddf.or.th
                                                                                                             

2. มหาวิทยาลัยมหาสารคามเตรียมเทคโนโลยีสารสนเทศด้านการศึกษาให้กับท่าน มีอะไรบ้าง บอกมาอย่างน้อย 3 อย่าง
-ศูนย์บริการคอมพิวเตอร์
-ศูนย์บริการอินเตอร์เน็ตไร้สาย
-การยืมหนังสือผ่านตู้
                                                                                                             

3. ข้อ 2 จงวิเคราะห์ว่าท่านจะเอาเทคโนโลยีเหล่านั้น มาทำให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองอย่างไรบ้าง
-ใช้ค้นหาข้อมูลหรือติดต่อสื่อสารได้อย่างสะดวกสบาย
                                                                                                             


แบบฝึกหัดบทที่ 3 


1. ข้อใดเป็นความหมายที่ถูกต้องที่สุดของการรู้สารสนเทศ
ก. ความสามารถในการกลั่นกลอง และประเมินค่าสารสนเทศที่หามาได้
ข. ความสามารถในการตัดสินใจใช้สารสนเทศรูปแบบต่างๆ
ค. ความสามารถของบุคคลในการสืบค้นและพัฒนาสารสนเทศ
ง. ความสามารถของบุคคลในการเข้าถึง ประเมิน และใช้งานสารสนเทศ
                                                                                                             

2. จากกระบวนการของการรู้สารสนเทศ ทั้ง 5 ประการ ประการไหนสำคัญที่สุด
ก. ความสามารถในการตระหนักว่าเมื่อใดจึงจะต้องการสารสนเทศ
ข. ความสามารถในการค้นหาสารสนเทศ
ค. ความสามารถในการประมวลผลสารสนเทศ
ง. ความสามารถในการใช้และการสื่อสารสารสนเทศอย่างมีประสิทธิภาพ
                                                                                                             

3. ข้อใดไม่ใช่ลักษณะของผู้รู้สารสนเทศ
ก. สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้
ข. สามารถใช้สารสนเทศในการดำเนินชีวิต
ค. ชอบใช้คอมพิวเตอร์ในการเล่นเกม
ง. ใช้คอมพิวเตอร์ในการแสวงหาสารสนเทศได้
                                                                                                             

4.ข้อใดไม่ใช่ความสำคัญของการรู้สารสนเทศ
1. โลกมีการเปลี่ยนแปลงเร็วมาก โดยเน้นวัตถุนิยมมากขึ้น
2. ช่วยให้บุคคลประสบความสำเร็จในการดำเนินชีวิต
3. สารสนเทศมีการเพิ่มปริมาณอย่างรวดเร็ว จนยากที่จะเข้าถึง
4. ช่วยบุคคลเป็นผู้ที่มีศักยภาพในการเรียนรู้ตลอดชีวิต
                                                                                                             

5. ข้อใดเป็นการเรียงลำดับขั้นตอนของกระบวนการเรียนรู้สารสนเทศที่ถูกต้อง
     1. ความสามารถในการประมวลสารสนเทศ
     2. ความสามารถในการประเมินสารสนเทศ
     3. ความสามารถในการใช้และการสื่อสารสนเทศอย่างมีประสิทธิภาพ
     4. ความสามารถในการค้นหาสารสนเทศ
     5. ความสามารถในการตระหนักว่าเมื่อใดจึงจะต้องการสารสนเทศ
ก. 1-2-3-4-5 

ข. 2-4-5-3-1 
ค. 5-4-1-2-3 
ง. 4-3-5-1-2
                                                                                                             

แบบฝึกหัดบทที่ 4


1. ให้นิสิตยกตัวอย่างอุปกรณ์ที่ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศตามหัวข้อต่อไปนี้ อย่างน้อยหัวข้อละ 3 ชนิด
แล้วแลกเปลี่ยนกันตรวจสอบกับเพื่อน
1) การบันทึกและจัดเก็บข้อมูล
- CD-ROM,DVD,Flash drive
2) การแสดงผล
-Printer,Projector,LCD Monitor
3) การประมวลผล
-CPU,RAM,MAIN BOARD
4) การสื่อสารและเครือข่าย
-HUB,Modem,Router
                                                                                                             

2. ให้นิสิตนำตัวเลขหน้าคำตอบ  มาเติมหน้าข้อคำถามในด้านล่างที่มีความที่สัมพันธ์กัน

คำตอบ
1. ส่วนใหญ่ใช้ทำหน้าที่คำนวณประมวลผลข้อมูล
2. e-Revenue
3. เทคโนโลยีต่างๆ ที่นำมาประยุกต์ใช้ในการดำเนินการเกี่ยวกับสารสนเทศ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ความถูกต้องแม่นยำ และความรวดเร็วต่อการนำไปใช้
4. มีองค์ประกอบพื้นฐาน 3 ส่วน ได้แก่ Sender Medium และ Decoder
5. การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการรับ-ส่งเอกสารจากหน่วยงานหนึ่งไปยังอีกหน่วยงานหนึ่งโดยส่งผ่านเครือข่าย
6. เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีการสื่อสารโทรคมนาคมและเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
7. โปรแกรมที่ทำหน้าที่ใช้ควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ ภายในระบบคอมพิวเตอร์
8. โปรแกรมระบบห้องสมุดอัตโนมัติ จัดเป็นซอฟต์แวร์ประเภท
9. CAI
10. ลักษณะสำคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศ

คำถาม
8 ซอฟต์แวร์ประยุกต์
3 Information Technology
1 คอมพิวเตอร์ในยุคประมวลผลข้อมูล
6 เทคโนโลยีสารสนเทศ ประกอบด้วย
10 ช่วยเพิ่มผลผลิต เพิ่มต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
7 ซอฟต์แวร์ระบบ
9 การนำเสนอบทเรียนในรูปมัลติมีเดียที่ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ด้วยตัวเองได้ตามระดับความสามารถ
5 EDI
4 การสื่อสารโทรคมนาคม
2 บริการชำระภาษีออนไลน์
                                                                                                             

วันอังคารที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2559

รู้จักกับมะเร็งเม็ดเลือดขาว

          โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว (Leukemia/ลูคีเมีย) เป็นโรคมะเร็งของไขกระดูก ซึ่งเป็นเนื้อ เยื่อในระบบโลหิตวิทยา โดยเกิดจากไขกระดูกสร้างเม็ดเลือดในปริมาณผิดปกติ โดยทั่วไปจะสร้างในปริมาณสูงขึ้น แต่ผู้ป่วยบางรายปริมาณเม็ดเลือดขาวอาจปกติ หรือ ต่ำกว่าปกติได้ ซึ่งนอกจากความผิดปกติในปริมาณแล้ว การทำงานของเม็ดเลือดขาวยังผิดปกติด้วย  มะเร็งเม็ดเลือดขาวจัดเป็นมะเร็งพบบ่อยทั้งในเด็ก ผู้ใหญ่ และในผู้สูงอายุ ทั้งในทั่วโลก
โดยโรคลูคีเมียสามารถแบ่งออกเป็นชนิดใหญ่ ๆ 2 ชนิด คือ ชนิดเฉียบพลัน และชนิดเรื้อรัง

รูปแสดงเซลล์เม็ดขาวเลือดปกติ
รูปแสดงเซลล์เม็ดขาวที่เป็นมะเร็งพบว่าเป็นเซลล์ตัวอ่อน

           มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลัน (Acute leukemias)

          ชนิดเฉียบพลัน นั่นคือมีอาการภายใน 1 - 3 เดือนก่อนจะมาพบแพทย์   เกิดจากการเพิ่มจำนวนของเซลล์เม็ดเลือดตัวอ่อนอย่างรวดเร็ว ซึ่งส่งผลให้ไขกระดูกไม่สามารถสร้างเซลล์เม็ดเลือดที่ปกติได้ มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลันมักเกิดกับเด็ก โดยผู้ป่วยจะต้องได้รับการรักษาอย่างรวดเร็ว ถ้าหากไม่ได้รับการรักษาอาจจะทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตภายในไม่กี่เดือน

          มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเรื้อรัง (Chronic leukemia)

          เกิดจากการที่ร่างกายสร้างเซลล์เม็ดเลือดที่ผิดปกติออกมาเป็นจำนวนมากกว่าเซลล์เม็ดเลือดที่ปกติ ส่งผลให้ผู้ป่วยมีเซลล์เม็ดเลือดที่ผิดปกติในร่างกายเป็นจำนวนมาก โดยปกติแล้วมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเรื้อรัง มักจะเกิดขึ้นกับผู้ใหญ่ในหลาย ๆ ช่วงอายุ


          ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งเม็ดเลือด

  • การได้รับรังสีเป็นจำนวนมาก เช่นระเบิดปรมณู
  • การได้รับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากเครื่องใช้ไฟฟ้า แต่ยังต้องรอการศึกษายืนยัน
  • ทางพันธุกรรม เช่น เด็ก Down' syndrome
  • ผู้ที่ทำงานสัมผัสสารเคมีเช่น benzene 

           อาการของโรคมะเร็งเม็ดเลือด

อาการต่างๆเกิดจากเม็ดเลือดเสียหน้าที่เช่น เม็ดเลือดขาวเสียหน้าที่ผู้ป่วยจะมีการติดเชื้อง่ายมีไข้ เซลล์มะเร็งมีมากจะทำให้เม็ดเลือดแดงและเกล็ดเลือดมีน้อยทำให้เกิด ซีด และเลือดออกง่าย นอกจากนี้ยังเกิดอาการต่างๆตามที่เซลล์มะเร็งไปอยู่ เช่นปวดศีรษะ อาการที่พบบ่อยๆมีดังนี้
  • ไข้หนาวสั่น บางครั้งเหมือนหวัด
  • อ่อนเพลีย ไม่มีแรง เบื่ออาหาร และน้ำหนักลด
  • มีการติดเชื้อบ่อย
  • บวมและเจ็บบริเวณต่อมน้ำเหลือง ตับ ม้าม
  • เลือดออกง่ายบริเวณผิวหนัง ไรฟัน ตา
  • ปวดกระดูก

การรักษา

           1. การรักษาแบบประคับประคอง (supportive care) หมายถึงการรักษาอย่างอื่น ๆ  นอกเหนือจากการให้เคมีบำบัด

          1.1. การให้ส่วนประกอบของเลือด

          ให้เกล็ดเลือดเข้มข้น เพื่อให้ระดับของเกล็ดเลือดในเลือดสูงเกิน 20 x 109/ลิตร
- ให้เม็ดเลือดแดงเข้มข้น เมื่อผู้ป่วยซีดหรือระดับ Hct ต่ำกว่า  24-25%  ในรายที่อายุน้อย  หรือต่ำกว่า  28-30 %  ในรายที่อายุน้อยมาก

          1.2. ผู้ป่วยที่มีไข้มากกว่า 38 องศาเซลเซียส และมีจำนวนของเม็ดเลือดขาวชนิด neutrophil  ต่ำกว่า 0.5 x 109/ลิตร แพทย์จะทำการสืบค้นเบื้องต้นเพื่อหาตำแหน่งของการติดเชื้อ แล้วพิจารณาให้ยาปฏิชีวนะชนิดครอบคลุมกว้างขวางเข้าหลอดเลือดดำ

          1.3. ผู้ป่วยที่มีกรดยูริคสูง จะให้ยาต้านกรดยูริค (allopurinal)  300 มก/วัน  แต่มีผลข้างเคียงที่ควรระวังในผู้สูงอายุหรือมีโรคไต

          1.4. พิจารณาการแยกส่วนประกอบของเลือด โดยแยกเฉพาะเม็ดเลือดขาวออก (leukapheresis)  ในกรณีที่ผู้ป่วยมีเซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาวมากกว่า 100 x 109/ลิตร  หรือมีอาการของอวัยวะต่างๆ ขาดเลือดจากการที่เม็ดเลือดขาวจำนวนมากไปอุดตันการไหลเวียนของเลือด เช่น มีอาการทางปอด มีหอบเหนื่อย แน่นหน้าอก หรืออาการทางสมอง เช่น ปวดศีรษะ ซึม สับสน หรือ ชัก เป็นต้น

           2. การรักษาเฉพาะโรค แบ่งออกเป็น 2 ตอน คือ

          2.1. การรักษาเพื่อชักนำให้โรคสงบสมบูรณ์ (Induction of remission) เป็นการให้ยาเคมีบำบัดเพื่อให้ผู้ป่วยเข้าสู่ระยะโรคสงบสมบูรณ์  (Complete remission  หรือ CR ) ยาเคมีบำบัดมาตรฐานในปัจจุบันคือ สูตร 3+7  ได้แก่การให้ anthracycline (doxorubicin หรือ idarubicin) ทางหลอดเลือดดำ 3 วัน ร่วมกับ cytosine arabinoside ทางหลอดเลือดดำ 7 วัน พบว่า ประมาณร้อยละ 50-70 ของผู้ป่วยสามารถเข้าสู่ระยะ CR ได้

          การที่จะบอกว่าผู้ป่วยอยู่ในระยะ CR หรือไม่นั้นอาศัยดูจากทางคลินิกว่า ผู้ป่วยอาการต่าง ๆ หายเป็นปกติ การตรวจร่างกาย ผลการตรวจเลือดกลับมาอยู่ในเกณฑ์ปกติหมด ที่สำคัญคือ การตรวจไขกระดูกพบเซลล์เม็ดเลือดชนิดต่าง ๆ ปกติ และพบเซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาว (blast cell) น้อยกว่าร้อยละ 5 ของเซลล์ทั้งหมด

          การที่ผู้ป่วยเข้าสู่ภาวะ CR ไม่ได้หมายความว่าเซลล์มะเร็งจะหมดไปจากร่างกาย แต่ว่ามีอยู่ในจำนวนที่น้อยเกินกว่าที่วิธีตรวจทางห้องปฏิบัติการธรรมดาจะตรวจได้ ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่จะต้องให้เคมีบำบัด หลังจากที่ผู้ป่วยเข้าสู่ภาวะ CR แล้ว เพื่อให้ผู้ป่วยหายขาดจากโรคจริง ๆ

          2.2. การรักษาระยะหลังโรคสงบ (post remission therapy) เป็นการรักษาเพื่อป้องกันไม่ให้โรคกลับมาอีก  (relapse)  และเพื่อกำจัดเซลล์มะเร็งที่ยังคงเหลืออยู่ให้หมดไปจากร่างกาย ทำได้หลายทาง

          - Consolidation therapy  เป็นการให้ยาเคมีบำบัดในลักษณะเดียวกับใน induction of remission แต่ให้ติดต่อกัน  3-4 ครั้ง  ห่างกันทุก  1-2  เดือน

          - Intensification การรักษาแบบเข้มข้น คือการให้เคมีบำบัดในขนาดสูงกว่า induction of remission  เพื่อหวังกำจัดเซลล์มะเร็งที่ยังเหลืออยู่ที่อาจเป็นเซลล์ดื้อยา

          การให้ยาเคมีบำบัดในขนาดสูงอาจจะร่วมกับการฉายรังสี และตามด้วยการให้เซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือด (การปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือด) โดยเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดอาจมาจากพี่น้องที่มีเนื้อเยื่อเข้ากันได้  (HLA-matched sibling donor) เรียกว่า allogeneic stem cell transplant หรืออาจจะมาจากตัวผู้ป่วยเอง โดยเก็บไว้ในระยะที่โรคสงบสมบูรณ์ เรียกว่า  autologous stem cell transplant โดยทั่วไป ถ้าได้รับจากผู้อื่นจะมีปัญหาแทรกซ้อนมากกว่า  แต่จะมีผลในแง่อัตราของโรคกลับมาเป็นใหม่น้อยกว่า  เมื่อเทียบกับที่ใช้เซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดของตัวผู้ป่วยเอง

มะเร็งเม็ดเลือดขาว หรือ ลูคีเมีย
พยากรณ์โรคของผู้ป่วยมะเร็งเม็ดโลหิตขาวชนิดเฉียบพลัน :
          ผู้ป่วยมะเร็งเม็ดโลหิตขาวชนิดเฉียบพลัน ที่ไม่ได้รับการรักษาจะถึงแก่กรรมอย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่กี่วันหรือไม่กี่สัปดาห์ เนื่องจากภาวะไขกระดูกล้มเหลวทำให้ผู้ป่วยติดเชื้อรุนแรงหรือเลือดออกในอวัยวะที่สำคัญ ผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยโปรแกรมการรักษาที่เหมาะสมมีโอกาสเข้าสู่ภาวะโรคสงบ ประมาณร้อยละ 70-85 ในผู้ป่วยผู้ใหญ่ที่ได้รับการรักษาเต็มที่สามารถหวังผลหายขาดได้ประมาณร้อยละ 20-40 ทั้งนี้ขึ้นกับ อายุของผู้ป่วย จำนวนเม็ดเลือดขาวเมื่อแรกวินิจฉัย และความผิดปกติของโครโมโซมที่ตรวจพบ




เรียบเรียง: นายเหมันต์  แช่มสอาด

ที่มา/อ้างอิง
http://haamor.com/th/%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B9%87%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B9%87%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%A7/
http://health.kapook.com/view21096.html

http://siamhealth.net/public_html/Disease/cancer/leukemia.htm#.V2DchY9OLIV

http://medinfo2.psu.ac.th/cancer/db/news_ca.php?newsID=9&typeID=18

https://www.bumrungrad.com/th/better-health/2554/cancer-treatments/half-identical-stem-cell-transplantation-1


วันพุธที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2559

หุ้น?

หุ้น?


          เราคงเคยได้ยินคำหนึ่งที่มีใครต่อใครหลายคนคงเลยพูดไว้  "คนจนเล่นหวย คนรวยเล่นหุ้น"  จึงอาจทำให้ใครหลายๆ คนคงคิดไปว่าการเล่นหุ้นก็เหมือนกับการเล่นหวย พึ่งโชค มีความเสี่ยง ใช้เงินมาก แต่ความจิงแล้วการเล่นหุ้น คือการลงทุน เงินที่ได้จากตลาดหุ้น บริษัทจะเอาไปขยายงาน ขยายกิจการส่งเสริมให้มีการสร้างงาน สร้างเศรษบกิจ ผลตอบแทนที่ได้จากหุ้นก็จะเป็นผบตอบแทนที่ถูกกฏหมาย

          "หุ้น"  ถือเป็นสินค้าประเภทหนึ่งที่วัดความเจริญของประเทศต่างๆ ในโลก  เมื่อเศรษฐกิจดีขึ้นคุณจำเป้นต้องหาเงินมาเพื่อขยายกิจการของคุณ  การมีตลาดหุ้นก็เพื่อให้มรการลงทุนมากขึ้น  มีเงินไปขยายกิจการ  การที่เราซื้อหุ้นก็เพื่อจะเข้าไปลงทุนในกิจการที่ดี  ดังนั้น  เศรษฐกิจจึงเป็นตัวแรกที่จะทำให้หุ้นวิ้ง  เศรษฐกิจจะดีไม่ดีขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆอย่าง เช่น การเมืองจะเห็นได้ชัดมาก

          นโยบายของรัฐบาลมีผลต่อการลงทุนเป็นอย่างมากแต่ละรัฐบาลก็จะมีนโยบายแตกต่างกันออกไป  บางอย่างเอื้อประโยชน์ บางอย่างก็ทำให้เกินความเสี่ยงในการลงทุน เช่น  การประนโยบายกาศลดภาษีบุคคล จาก 30 % มาที่ 23% จะมีผลดีต่อการดำเนินงานทำให้กำไรมากขึ้น  แต่ในทางกลับกันนโยบายบางอย่างก็ไม่ส่งผลดีต่อกิจการ เช่น  การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท อาจทำให้บางบริษัทต้องมีรายจ่ายเพิ่มขึ้น


การซื้อหุ้นกับบริษัทในตลาดหุ้น ดีกว่าการร่วมหุ้นกันเองทั่วไปอย่างไร

  • การโกงทำได้ยาก หรือมีโอกาสน้อยกว่า เนื่องจากมีการควบคุมโดยหน่วยงานของตลาดหลักทรัพย์อีกที
  • ได้ลงทุนกับธุรกิจที่มีความมั่นคงกว่า บริษัทในตลาดหุ้น เป็นบริษัทขนาดใหญ่ ดังนั้นแม้ภาวะเศรษฐกิจย่ำแย่ ก็มีโอกาสรอดรวมถึงได้รับการช่วยเหลือจากภาครัฐหรือธนาคารมากกว่า ร้านค้าหรือธุรกิจขนาดเล็กทั่วไป
  • มีสภาพคล่องสูงกว่า หมายความว่าหุ้นสามารถเปลี่ยนกับมาเป็นเงินได้เร็วกว่า หากมีความจำเป็นต้องใช้เงิน หรือเห็นว่าต้องการถอนหุ้น ก็สามารถขายหุ้นในตลาดได้ทันที
  • เราไม่ต้องบริหารธุรกิจเองเหมือนการร่วมหุ้นกับเพื่อน ถึงแม้ว่าบางทีร่วมหุ้นกับเพื่อนเราลงเงินเฉยๆ ไม่ได้บริหารเองก็ตามที แต่เมื่อเทียบกับบริษัทขนาดใหญ่ในตลาดหุ้น ที่เขามีผู้บริหารตลอดจนทีมงานฝีมือดีๆ มาดูแลแทนให้แล้ว ผมว่ามันอุ่นใจกว่ากันเยอะ
     

5 เคล็ดลับสำหรับมือใหม่ เล่นหุ้นอย่างไรให้ได้กำไร

"อยากจะเล่นหุ้นต้องมีอะไรบ้าง คำตอบสั้นๆ ง่ายๆ คือ ต้องมี “เงิน” เป็นอันดับแรก แต่สิ่งที่สำคัญกว่าเงินที่เรามี นั่นคือความรู้และความเข้าใจที่ถูกวิธีในการลงทุน"

1. เปลี่ยนคำว่า “เล่น” เป็น “ลงทุน”
สิ่งแรกเราต้องเข้าใจว่า ความแตกต่างระหว่างของคำว่า “เล่นหุ้น” กับ “การลงทุนในหุ้น” นั่นคือ “เป้าหมาย“ ในการลงทุน เพราะคำว่า “เล่นหุ้น” นั้น มักจะหมายถึงการเล่นเก็งกำไรในระยะสั้นๆ  ซึ่งต้องการกำไรจากส่วนต่างของราคาหุ้น แต่ “การลงทุนในหุ้น” ต้องการความมั่นคงในระยะยาว โดยคาดหวังผลตอบแทนจากการเติบโตของบริษัท ไม่ว่าจะเป็นเงินปันผล หรือมูลค่าของหุ้นในอนาคต
ดังนั้นสำหรับมือใหม่ทุกคน ขอแนะนำให้เริ่มต้นตั้งเป้าหมายที่การลงทุนระยะยาวเป็นลำดับแรก  อย่าคิดที่จะซื้อขาย “เล่นๆ” เพื่อหวัง “เก็งกำไร” เพราะสุดท้ายแล้วมักจะจบลงที่ลุ้นกันจนตัว “เกร็ง” ทุกทีเลยเชียว

2. ต้องใช้ “เงินเย็น” เท่านั้น
เงินเย็น คือ เงินที่เราสามารถเสียไปโดยที่ไม่เดือดร้อน หรือพูดง่ายๆ คือ เงินที่หายไปก็ไม่เสียดายนั่นเอง เพราะการลงทุนในหุ้นนั้นมี “ความเสี่ยง” ดังนั้นถ้าหากเราเอาเงินที่เกี่ยวข้องกับการใช้ “ชีวิต” ไปเสี่ยง แบบนั้นคงไม่ดีใช่ไหมครับ
แต่การใช้เงินเย็นก็ไม่ได้แปลว่าไม่เสี่ยงนะครับ จะเงินร้อน เงินเย็น เงินคนอื่น (เอ๊ะ!) เงินแบบไหนมันก็เสี่ยงทั้งหมดเมื่อมาลงทุนในหุ้น แต่ข้อได้เปรียบของเงินเย็น คือ เป็นเงินที่ไม่มีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตในทุกๆ วัน แต่มันอาจจะเจ็บใจเล็กน้อยเมื่อขาดทุน (ฮึ่ม!) เพราะหลายๆ ตัวอย่างที่ผิดพลาดและขาดทุนแบบสุดกู่ ไปไม่กลับหลับไม่ตื่น คือ ใช้เงินกู้ในการเล่นหุ้น พอเล่นแล้วเสีย คราวนี้ก็เพลียกว่าเดิมเพราะต้องมีภาระทั้งดอกเบี้ย และค่าใช้จ่ายในชีวิตอีกด้วยครับ


3. รู้จัก “หุ้น” ให้ดีเสียก่อน
คำว่ารู้จักหุ้นให้ดีเสียก่อน ไม่ได้แปลว่าให้ไปทำความรู้จัก สวัสดีทักทายหุ้นที่เราต้องการลงทุนนะครับ แต่ให้รู้ก่อนว่า หุ้นตัวนั้นที่เราเลือก ประกอบธุรกิจอะไร มีผลการดำเนินงานอย่างไร ข้อมูลต่างๆ บทวิเคราะห์ ข่าว ผู้บริหาร วิสัยทัศน์ และอื่นๆ อีกมากมายที่เราต้องรู้ ถ้าถามว่ารู้แค่ไหนดี บอกตรงๆ ว่ารู้ยิ่งเยอะยิ่งดีครับ และเมื่อรู้เยอะแล้ว ต้อง “คิด วิเคราะห์ แยกแยะ” ข้อมูลให้เป็นด้วย เพื่อที่จะได้เข้าใจและวางแผนการลงทุนได้อย่างถูกต้อง

ข้อผิดพลาดใหญ่ๆ ที่มือใหม่เจอเสมอ นั่นคือ “หุ้นเพื่อนบอก” เพื่อนเรานี่แหละครับตัวดี บอกข่าวมาว่าหุ้นตัวนี้ดีๆๆ ให้เรารีบๆ ซื้อ แถมบอกราคาเป้าหมายไว้เสร็จสรรพ แต่ถ้าเราซื้อไปโดยไม่ตรวจสอบข้อมูลอะไรเลย แต่รีบซื้อเพราะกลัวว่าจะ “ตกรถ” (หุ้นขึ้น แต่ไม่ได้ซื้อ) แต่พอเอาเข้าจริงๆ ผ่านไปสักพัก เรากลับ “ติดดอย” แทน เพราะว่าเจ้าเพื่อนตัวดีมันไม่เคยบอกเลยว่า ราคาที่เหมาะจริงๆ ของหุ้นตัวนี้คือเท่าไรกันแน่

คำที่น่ากลัวอีกคำ คือ “วงใน” หรือ “เค้าว่ามา” รับประกันเลยว่า ถ้าข่าวหลุดมาถึง “มือใหม่” เมื่อไรแล้วล่ะก็ ข่าวนั้นคงไม่ใช่ “วงใน” แล้วล่ะครับ


4. รู้จัก “ตัวเรา” ให้ดีพอ
รู้ก่อนว่า .. เรารับความเสี่ยงได้มากแค่ไหนกันแน่ เพราะบางคนเล่นหุ้นเพราะหวังกำไรเยอะๆ แต่รับความเสี่ยงไม่ได้ ผลสุดท้ายต้องทรมานจิตใจแทน ดูเช้า ดูเย็น ดูทั้งวัน งานการไม่ได้ทำเพราะกลัว อันนี้ก็ไม่ไหวนะครับ
อีกอย่างที่สำคัญ และต้องทบทวนตลอดเวลา นั่นคือ เป้าหมายที่เราต้องการในการลงทุน และถามตัวเองอยู่เสมอครับว่า วิธีการและสิ่งที่เราทำในการลงทุนนั้น มันทำให้เราเดินไปถึงเป้าหมายได้จริงๆ หรือเปล่า


5. รักษาต้นทุนก่อนคิดถึง “กำไร”
วิธีการลงทุนที่ดีที่สุด คือ “ไม่ขาดทุน” หลายๆ คนอาจจะสงสัยว่า ถ้าเล่นหุ้นแล้วไม่หวังกำไรจะเล่นไปทำไมใช่ไหมครับ แต่ความหวังที่อยากจะได้กำไรสูงๆ นั่นแหละครับ ทำให้เราทุกคนเกิดความโลภในการลงทุน จนบางครั้งมองข้ามสิ่งสำคัญหลายๆ อย่างไป ดังนั้นในการตัดสินใจซื้อหุ้นทุกครั้ง เราต้องถามตัวเองย้ำๆ ว่า เราจะลดความเสี่ยงในการขาดทุนให้ต่ำที่สุดได้อย่างไร อย่าลืม ศึกษาข้อมูลให้ดี ดูความเสี่ยงให้เหมาะสม ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ เพราะเราต้องถือหุ้นตัวนี้ไปอีกนานแสนนานนะครับ

          สำหรับ 5 ข้อที่ว่ามานี้ อาจจะเป็นเพียงแนวคิดเบื้องต้นในการลงทุนสำหรับมือใหม่ก่อนจะลงทุนอะไรก็ตาม สิ่งที่เราต้องเตรียมให้พร้อมที่สุดคือ“ความรู้”  แต่สิ่งที่จะบอกว่าความรู้ของเราถูกต้องหรือไม่ คือ“ประสบการณ์”  ดังนั้นขอให้เพื่อนๆ พี่ๆ น้องทุกคน สร้างสรรค์ความรู้อย่างสม่ำเสมอ และสร้างเสริมประสบการณ์ในการลงทุนให้มาก ผมเชื่อเหลือเกินครับว่า โอกาสประสบความสำเร็จในการลงทุนของทุกคนคงจะไม่ไกลเกินเอื้อมอย่างแน่นอน ...


เรียบเรียง นายเหมันต์  แช่มสอาด

ที่มา/อ้างอิง ธิติวัฒน์ แสงนิกรเกียรติ.  มือใหม่หัดเล่นหุ้นอย่างไรให้รวย.  นนทบุรี : ธิงค์  บียอนด์,  2556.
                              216 หน้า  

http://www.stocktipsdd.com/%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%A3/

http://www.start-to-invest.com/webedu/Wcefa965594ec7.html

TaxBugnoms หรือ ถนอม เกตุเอม เจ้าของหนังสือ “เงินน้อยก็รวยได้” “ตัดภาษีมีเงินออม” และบล็อกชื่อดัง “บล็อกภาษีข้างถนน” ที่ tax.bugnoms.com